ข้อมูลทางการเงินและกฎหมาย

กฎหมายภาษีในประเทศไทย

กฎหมายภาษีไทยถูกแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าข้อมูลที่กำลังเสนอที่แก้ไขล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2557 แต่นักลงทุนหลายท่านอาจจะสับสนกับข้อมูล  ทางเราจึงแนะนำให้หาที่ปรึกษาทางกฎหมายหรือสามารถเข้ามาปรึกษากับเราเรื่องกฎหมายภาษีได้ เรายินดีพร้อมให้คำแนะนำเสมอ 

ภาษีกำไรส่วนต่างจากการลงทุน

ในประเทศไทยไม่ได้ระบุกฎหมายภาษีกำไรส่วนต่างจากการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง รายได้จากกำไรส่วนต่างจากการลงทุนจะถูกจัดการภายใต้บทบัญญัติทั่วไปของกฎหมายภาษีเงินได้ซึ่งกำหนดให้กำไรส่วนต่างจากการลงทุนเป็นรายได้พึงประเมินได้โดยขึ้นอยู่กับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวนรายได้พึงประเมินสำหรับกำไรจากการขายสินทรัพย์ (หรือทรัพย์สินอื่นหรือการลงทุน) เป็นเพียงส่วนต่างระหว่างราคาขายกับราคาซื้อเดิม

ไม่มีเงินสำรองสำหรับเงินภาวะเงินเฟ้อแม้ว่าจะมีเงินสำรองในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

การขายที่ก่อให้เกิดกำไรส่วนต่างจากการลงทุน (ภาษีเงินได้) เป็นจำนวนที่ได้รับจริงโดยไม่คำนึงถึงราคาตลาด

สำหรับผู้เสียภาษีที่ไม่ใช่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในไทย รายได้จากกำไรส่วนต่างจากการลงทุนที่มาจากประเทศไทยจะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 15 ตามกฎหมายว่าด้วยรายได้ส่วนบุคคลในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม บุคคลต่างด้าวที่เป็นชาวต่างชาติที่ขายสินทรัพย์ในประเทศไทยควรทราบว่าพวกเขาอาจได้รับการยกเว้นภาษี 15% ภายใต้สนธิสัญญาเกี่ยวกับการเก็บภาษีซ้ำซ้อน

การได้รับยกเว้นภาษีกำไรส่วนต่างจากการลงทุนอื่นๆ

รัฐบาลไทยให้ความยินยอมแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรและผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศในการขายสินทรัพย์และใช้เงินที่ได้รับในการซื้อสินทรัพย์อื่นที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลักของตน

แต่อย่างไรก็ตาม มีบทบัญญัติหลายประการที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้ได้รับการยกเว้นอย่างถูกต้อง

ประการแรก คือ ผู้ขายจะต้องอาศัยอยู่ในสินทรัพย์ที่ขายเป็นที่อยู่อาศัยหลักและได้จดทะเบียนมีชื่ออยู่ในที่อยู่อาศัยนั้นเป็นระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีนับจากวันที่ได้มา
ประการที่สองคือผู้ขายต้องซื้อสินทรัพย์ใหม่ภายในหนึ่งปีก่อนหรือหลังการขายและสินทรัพย์ใหม่ต้องถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ จำนวนเงินที่ได้รับยกเว้นจะคำนวณตามมูลค่าประเมินอย่างเป็นทางการของสินทรัพย์ ณ ขณะขายซึ่งอาจต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาขายจริง แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของสินทรัพย์ใหม่

ภาษีเงินได้ในประเทศไทย

ในขณะที่เขียนบทความนี้ รัฐบาลไทยได้มีมติให้ออกกฎหมายเพื่ออนุมัติการปรับลดอัตราภาษีเงินได้ซึ่งคาดว่าจะมีผลในปี พ.ศ. 2557

สำหรับผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีดังนี้

จำนวนเงินได้สุทธิ
(ดูหมายเหตุ 1) บาท

อัตราปีสุดท้าย 2555-2556

อัตราที่นำเสนอสำหรับปี 2556 เป็นต้นไป

1 – 150,000

ยกเว้น

ยกเว้น

150,000 – 300,000

10% 5%

300,000 – 500,000

10%

10%

500,000 – 750,000

20% 15%

750,000 – 1,000,000

20%

20%

1,000,000 – 2,000,000

30%

25%

2,000,000 – 5,000,000

30%

30%

มากกว่า 5,000,000

37%

35%

 

สำหรับผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนดดังต่อไปนี้

จำนวนเงินได้สุทธิ (ดูหมายเหตุ 2)

งบประมาณปี 2555-2556

ปี 2556 เป็นต้นไป

จำนวนเงินทั้งหมด

15%

15%

 

หมายเหตุ 1 – สำหรับผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย จำนวนเงินที่ต้องเสียภาษี คือ จำนวนสุทธิของรายได้ที่ได้รับหลังการหักเงินและค่าลดหย่อน
หมายเหตุ 2 – สำหรับผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยจำนวนรายได้ที่ต้องเสียภาษี คือ ยอดรวมของรายได้ที่ได้รับ

 

ภาษีรายได้การปล่อยให้เช่า

รายได้ที่เกิดจากการให้เช่าจะรับรู้ได้ตามกฎหมายภาษีเงินได้ของไทยและจะถือเป็นจำนวนเงินที่จะต้องมีการชำระภาษีหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกิดจากรายได้รวม

รายได้ค่าเช่าจะได้รับอนุญาตให้หักลดหย่อน 10% ถึง 30% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของทรัพย์สิน หากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าการอัตราการหักลดหย่อนที่กำหนดเราสามารถอ้างสิทธิ์นี้ได้แต่ต้องมีเอกสารประกอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดง

ภาษีที่อยู่อาศัยและที่ดิน

ภาษีอาคารหรือที่อยู่อาศัยและที่ดินจะต้องจ่ายเป็นรายปีโดยฝ่ายรายได้ สำนักงานเขต ณ พื้นที่ที่ทรัพย์สินตั้งอยู่ สำหรับเจ้าของสินทรัพย์ที่เป็นบุคคลธรรมดาต้องการให้เช่าสินทรัพย์ของตน ภาษีจะได้รับการประเมินในอัตราร้อยละ 12.5 ของค่าเช่ารายปีตามสัญญาเช่าหรือมูลค่าประเมินประจำปีโดยหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า

การครอบครองโดยผู้เป็นเจ้าของจะได้รับการยกเว้นภาษีอาคารและที่ดินและเจ้าของเป็นผู้รับผิดชอบในการแจ้งให้หน่วยงานท้องถิ่นทราบว่าสินทรัพย์นั้นได้ปล่อยเช่าหรือนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และชำระภาษีเช่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี

โดยทั่วไปแล้วในประเทศไทยภาระภาษีจะตกทอดไปยังผู้ให้เช่าและ/หรือผู้เช่าในสัญญาเช่า